วันพุธ, มกราคม 21, 2552

ยิ่งเห็นอะไรมาก ก็ยิ่งรู้ว่ามีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก แล้วจะใช้ชีวิตอย่างไรครับ

มีอีกหลายสิ่งที่น่าเรียนรู้ แค่เฉพาะในห้องเรียนก็ไม่น้อยแล้ว เรื่องเพื่อน-สังคม- ครอบครัว และสิ่งที่ตัวเองสนอีก อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนโดยตรง แต่มันเกี่ยวกับการใช้ชีวิต จะใช้เวลาอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด ให้ทุกเวลาคือเรียนรู้ ให้ทุกเวลาได้รับผิดชอบต่อครอบครัว-เพื่อน-สังคม
โดย SnITT [25 พ.ย. 2545 , 22:39:14 น.]

ข้อความ 1
ผมเคยเอาเรื่องชีวิตคือการเรียนรู้ ที่ผู้อื่นเขียนไว้ ส่วนตัวเห็นว่าดีเลย เอามาฝากพิจารณากัน เยี่ยงกัลยาณมิตร การเรียนรู้นั้นมีลักษณะของการเชื่อมโยง กันหมดทั้งตัวเองและต่อครอบครับ คนใกล้ชิด ขยายไปจนระดับสังคมที่เรามีโอกาสต้องเข้าไปโยงใย ขนาดขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์อย่างสมดุลป์ที่เราสร้างขึ้น เช่นมีครอบครัวที่เป็นสุข ก็เพราะเรารักษาสหสัมพันธ์ ที่สมดุลป์ ถูกต้อง และเกื้อกูลกัน ขจัดอุปสรรค ที่จะมาทำให้เสียศูนย์ การเรียนรู้ในโรงเรียนก็ เช่นกัน เหมือนๆกับขอบเขตในระดับสังคม หรือที่มี ขนาดใหญ่กว่า จนถึงระดับจักรวาลที่เป็นองค์รวม พระพุทธเจ้าจึงได้ชื่อว่าเป็น "สัพพัญญู" คือผู้รู้แจ้ง รู้จริง รู้ทั่ว รู้หมดสิ้น ว่าจักรวาลคืออะไร เป็นเช่นไร รู้ตั้งแต่ตัวตนจนถึงสหสัมพันธ์ของจักรวาลนั่นเอง คำสอน หรือธรรมะจึงครอบคลุมทุกๆเรื่อง มีประโยชน์ให้ เราทุกคนดำเนินรอยตามได้ เพราะสิ่งที่ท่านค้นพบ คือธรรมชาติของสรรพสิ่ง หรือจักรวาลนั่นเองครับ โปรดอย่าเชื่อ..แต่ก็อย่าปฏิเสธ ..และก็ต้องศึกษาพิจารณาเรื่องนี้ กันไป อาจตลอดทั้งชีวิตนี้ของเราก็ได้ ..ถ้าเผอิญไม่มีอะไร มาชนโลกให้พินาศเสีบก่อน เหตุปัจจัยเพราะอัตตามนุษย์ มันดันใหญ่โตกันจนถึงระดับไดโนเสาว์ ที่ทำให้สมดุลป์โลก เสียศูนย์ จักรวาลเลยต้องปรับตัวเองเสียใหม่ ตามหลักความสมดุลป์ หรือทางสายกลาง ที่เป็น กฏของธรรมชาตินั่นเอง .....ครับ
โดย เพื่อนอาจารย์ [27 พ.ย. 2545 , 10:25:30 น.]

ข้อความ 2
ลองอ่านหัวข้อ "ชีวิตคือการศึกษา" เป็นกระทู้ข้างล่างในเว็บบอร์ดนี้ นะครับ ..น่าจะเกี่ยวข้องกับคำถาม
โดย ขออีกที [27 พ.ย. 2545 , 10:33:23 น.]

ข้อความ 3
ศาสตร์ ของ โลก เรียนอย่างไรก็ไม่จบหรอก
โดย ever [27 พ.ย. 2545 , 11:54:21 น.]

ข้อความ 4
ในทางธรรม..ที่สุดของโลกคือการรู้เท่าทัน ของกิเลสในตัวเรา โลกนั้นเป็นเรื่องสมมติ โดนปรุงแต่งด้วยอุปทานขันธ์จนกลายเป็นกิเลส ต้องเรียนโน่นเรียนนี่ โดยไม่เรียนรู้ตนเองไปด้วย เรียนอย่างนี้เรียนเท่าไรก็ไม่จบจริงๆ เพราะ ลืมเรียนเรื่องของตนเอง จึงไม่รู้เท่าทัน จึงเรียนไม่จบ การเรียนให้จบสิ้นของโลก คือการเรียนเพื่อรู้แจ้ง รู้จริง รู้เหตุปัจจัยที่เกิดโลก สุดท้ายรู้ว่าเกิดจาก กิเลสนั่นเอง รู้เหตุปัจจัยที่ก่อตัวของกิเลส เช่น ความอยากมี อยากได้ อยากรู้ อยากต่ออะไรๆ ฯลฯ ถ้าอยากลดละให้หมดสิ้นของกิเลส ก็ต้องทำให้หมดสิ้น ที่เหตุปัจจัยในเรื่องนั้นๆ การเรียนรู้โลกก็จะจบ เพราะหมดเหตุปัจจัย ที่เป็นสิ่งทำให้เกิดโลก หรือเรื่องสมมติทั้งหลาย ที่มีกันมากมายเหลือคณานับ อันเกิดจากอวิชชา ทั้งสิ้น เพราะไม่มีปัญญา จึงขวนขวายหาสิ่งที่ไม่รู้ แล้วทึกทักว่ารู้ เลยกลายเป็นความไม่รู้ที่ทำให้โลก ดำรงอยู่อย่างที่เป็นปัจจุบันนี้เอง ..ครับ ผมเองพูดมาก็ยังไม่รู้ แต่ดันนึกว่าจะรู้ ก็ยัง เรียนรู้ทางโลกยังไม่จบ ..อย่างที่คุณว่ามาแหละ
โดย เพื่อนอาจารย์ [28 พ.ย. 2545 , 15:37:27 น.]

ข้อความ 5
ใช่ครับสำหรับความคิดที่ว่า ศาสตร์ของโลกเรียนยังใงก็ไม่จบ ถ้าเราลองย้อนมาดูตัวศาสตร์เองแล้ว มันมีจุดเริ่มมาจากอะไร มันมีจุดเริ่มมาจากการสังเกตุสังกา การคิดใคร่ครวญ การวิเคราะห์เหตุและผล ทุกๆปรัชญาชี้ไปในทางเดียวกันว่าทุกสิ่ง เป็นธรรมชาติมีกฎเกณฑ์ของมัน แม้แต่ตัวมนูษย์ผู้มีสติปัญญา เผ่าพันธ์ที่อยู่เหนือทุกสิ่งในธรรมชาติ ก็ยังต้องมีกฎเกณฑ์ แต่ก็ยังมีมนุษย์บางชนิด ที่เห็นแก่ตัวมองเห็นแต่พวกของตัวเอง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเพื่อการตอบสนอง อารมณ์และความต้องการพรรคพวกของตัวเอง ผลของมันเลวร้ายส่งผลถึงระดับโลก ทุกสิ่งในโลกจึงไม่ยอมรับและ กำลังมีการตอบโตการกระทำ ของพวกมนุษย์เหล่านั้น ศาสตร์ที่มนุษย์ รู้เกี่ยวกับพวกมันเพียงเล็กน้อยแล้ว บังอาจมาใช้ในการควบคุมพวกมัน จึงย้อนกลับมาทำลายมนุษย์เอง เช่นสภาวะวิกฤตของโลกในปัจจุบัน มันเกิดจากการใช้ความรุ้ที่ปราศจาก สติ การยั้งคิด การรับผิดชอบ ใช่ใหมครับ ถ้าสมมติว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งที่สอน การใช้สติ การยั้งคิด และการรับผิดชอบ ให้กับมวลมนุษย์คุณคิดว่ามันพอเพียงหรือไม่ แล้วถ้าหนังสือเล่มนั้นมีจริงคุณจะอ่านมันไหม หนังสือเล่มนั้นเผยและชี้นำมนุษย์ไปสู่ความจริง ทุกสิ่งในจักรวาลมีคำตอบอยู่ในมัน แต่งขึ้นมาเพื่อเป็นแบบแปลนในการอยู่อาศัย และใช้ชีวิตให้เข้ากับจักรวาลนี้ได้อย่างมีความสุข แต่งขึ้นโดยผู้ที่สร้างจักรวาลนี้เอง ชื่อของมันคือ อัลกุรอาน ในนามแห่งอัลลอฮผู้ทรงกรุณาประณี ต่อทุกสรรพสิ่งในเอกภพนี้ และเมตตาเฉพาะผู้ที่เชื่อมั่นในอัลลอฮ ในโลกที่แท้จริงคือปรโลก จงอ่าน ในนามของผู้บริหารให้การดูแลจักรวาล ผู้ทรงสร้าง
โดย คำตอบของผู้สร้างโลก [29 พ.ย. 2545 , 17:45:37 น.]

ข้อความ 6
ตำราที่กล่าวอ้างนั้น ผมว่าน่าสนใจ และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ชี้นำเราไปสู่ปัญญาได้ คำสอนในศาสนาอิสลามย่อมต้องยอมรับและนับถือ ในคุณค่าความรู้ที่ค้นพบไว้ เพราะมีชาวโลก จำนวนไม่น้อยที่ยอมรับกัน ถ้ามีความเข้าใจ ตรงกันมากๆ การเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง ก็ย่อมสร้างภาวะสมดุลย์ได้ง่ายขึ้น เผอิญผมเกิดมาและได้การรับรู้ในบริบท ของพุทธศาสนา ผมจึงเรียนรู้ในเรื่องของพุทธศาสนา ซึ่งผมคิดว่า ไม่ว่าเราจะเรียนรู้ในบริบทไหน ของศาสนาใด สุดท้ายถ้าเป็นความจริงแท้ ก็ย่อมต้องโยงใยไปสู่เรื่องเดียวกัน อุปมา เหมือนภาษาที่ใช้สื่อความเข้าใจของมนุษย์ทั้งโลก ผู้รู้ในศาสนาทั้งหลาย ถ้าร่วมกันสื่อปัญญาให้ กันและกัน โลกก็จะเกิดสันติสุขได้แน่นอน แต่เพราะกิเลสตัณหา ทำให้มีผู้ใช้ศาสนาไปใช้ ในทางที่ผิด สร้างความแบ่งแยก ความขัดแย้ง เลยทำให้โลกทั้งใบเสียสมดุลย์ จึงวิกฤติขึ้นเรื่อยๆ ผมเองก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่าจะสิ้นสุดกันเมื่อใด แต่อย่างไรก็ช่างเถอะ มาร่วมกันสร้างความสมดุลย์ ในจักรวาลของตัวเราเองกันก่อน ผมว่าความสมดุลย์ ก็จะขยายตัวไปได้เอง เพราะการมีทรรศนะคติแบบนี้ มันหมายถึงจักรวาลที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งในตัวเรา และภายนอกรอบตัวเราครับ ยินดีที่ได้คุยและรับรู้เรื่อง "พระเจ้า" ของศาสนาอื่น ดีใจที่เราพอคุยกันรู้เรื่องในเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ในภาษา แต่ผลคือทำให้เกิดสันติภาพในจิตใจ ของเราแต่ละคนได้ครับ ..แล้วจะหมั่นศึกษา มาแลกเปลี่ยนความเข้าใจซึงกันและกันครับ
โดย เพื่อนอาจารย์ [30 พ.ย. 2545 , 09:43:18 น.]

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณนะค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า สำหรับบทความ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ