วันพุธ, มกราคม 21, 2552

อาจารย์หายไปไหน

แล้วอาจารย์ท่านอื่นๆไม่เล่นwebนี้หรือครับ หรือว่าพวกอาจารย์ไม่ค่อยรู้กัน ผมว่าในนี้มันแบบศิษย์กับครูไม่ใช่ publicมากเหมือ asa คือแบบเป็นกันเองส่วนตัว ไม่ต้องอายหรือกลัวคนโน่นคนนี้มาว่าหรือเห็นว่าเราโง่นัก555 อาจารย์ชวนกันมาเล่นเยอะสิครับจะได้ครื้นเครง ในนี้มันกล้าถาม กล้าตอบกันอยู่แล้วกล้าวิจารณ์ด้วย ผมว่าอ่านแล้วดี๊ ดี ได้ความรู้แถมรู้สึกดี ผูกพันกันระหว่าง ศิษย์ อาจารย์ ละมุนละไมดี ว่าแต่แล้วอาจารย์ทำไมถึงหนีไปหล่ะครับ
โดย เมืองFISH_Sit [1 ก.ย. 2545 , 03:25:55 น.]

ข้อความ 1
ครู อาจารย์ เพื่อนอาจารย์ ฯลฯ ช่วยกันหน่อยครับ นิสิตเขาเรียกหาแล้วครับ ว่าแต่นิสิตอย่าห่างหายไปไหนด้วยละ
โดย ครูประชาบาล [1 ก.ย. 2545 , 11:44:28 น.]

ข้อความ 2
ก่อนเว็บเดิมจะพักช่วงไป..แล้วกลายมาเป็นเว็บนี้ ผมเคยทายว่า หมดรุ่นบุกเบิก (จบไปแล้ว) เว็บจะเดี้ยง เพราะด้วยความหง๋อยๆ เด็กรุ่นใหม่ๆไม่ชอบคุยกับครูโบราณเท่าไร เพราะโลกทัศน์ไม่สอดคล้องกัน นักศึกษาโพ๊สมอร์เดิร์น มักคุยกับพวกมอร์เดิร์น ไม่ค่อยรู้เรื่อง..ขนาดผมบุกไปถึงถ้ำ ย้ำว่าโลกทํศน์ พวกท่านเป็นเช่นไร ผมเองจะได้เล่นถูก เขาก็ไม่ค่อยยอมบอก ..เพราะไม่อยากเล่นกับ..เอ็ง สู้เล่นกันเองดีกว่า..บลา..บลาๆ..ๆ หลายวันก่อน "อาจารย์" คนชวนผม ก็วานบอก ให้ไปแจมหน่อย ส่วนท่านจะแว็ปไปหาเงินบาท ส่งลูกสองคนเรียนนอกสักพัก เพราะกลัวเมียจะดูถูกว่า ไม่มีน้ำยาเหมือน "เพื่อนอาจารย์" ส่งลูกสาวเรียน นอกสำเร็จตั้งสองสาว ในช่วงบาทถูกๆด้วยซ้ำ ผมเลยเห็นใจ..บอกว่าเดี๋ยวจะมาช่วยบรรเลงให้เอง เพราะตอนนี้สบายแล้ว หมดภาระ รอคอยแค่เพียงตัวตาย เพราะแก่..เท่านั้น บ่น..โลกมนุษย์ทุกวันนี้ มันแบ่งแยกกันสิ้นดี คิดอะไรแยกส่วนแยกพวกแยกวัย อยู่กันแบบตัวใครตัวมัน มันเป็นโรคคิดแบบ เดสคาร์ต ขึ้นสมอง โพ๊สต์มอเดิร์น vs มอร์เดิร์น แก่ vs เด็ก ครู vs ศิษย์ ไม่สู้คิดมองกันจาก ฐานรวมเดียวกัน เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่มาประชุมกัน เป็นมนุษย์พันธ์รากเดียวกัน โดยน่าจะเรียนรู้ด้วยกัน ซึ่งกันและกัน ..น่าจะฉลาดและโง่พอๆกันได้เยอะๆ ผมว่าน่าจะดีกว่านะครับ พล่ามจนเกือบจบไม่ลงแฮะ!
โดย เพื่อนอาจารย์ [1 ก.ย. 2545 , 17:59:27 น.]

ข้อความ 3
คุยแลกเปลี่ยนความคิดกันมากขึ้น กลับเข้าใจตัวเองมากขึ้น กว่าเข้าใจคนอื่นซะอีก ขอบคุณล่วงหน้าที่ เพื่อนอาจารย์จะมาเพิ่มหน้าจอ ให้เยอะ ๆ เหมือนเดิม บางครั้ง ตาลาย ก็สนุกดี เพราะแถมความคิด กะ ความรู้
โดย เด็กวัด [1 ก.ย. 2545 , 21:27:59 น

ข้อความ 4
จบไปแล้วก้อยังมาjam ได้คับอาจารย์---ไม่ได้หนีหายไปไหนคับ----ยังไงผมยังถือตนเป็นนักศึกษา---หมายถึง ผู้ใฝ่ศึกษาอ่ะคับ---- อยู่เสมอแหละคับ ยังคงต้องคิด ต้องถาม ต้องถก กับผู้ที่มีประสบการณืมากกว่าอยู่ดี ก้อยังคงต้องรบกวนอาจารย์ต่อไปเรื่อยเรื่อยคับ ก้อเลยหวังว่าอาจารย์จะยังคงแวะเวียนเข้ามาพูดคุยเหมือนเมื่อตอนเริ่มเปิดบอร์ดนี้ใหม่ใหม่อะคับ ขอบคุนอาจารย์ทุกท่านที่ยังคงกรุณาศิษย์อยู่ แม้ว่าจะจบไปแล้ว คับ _/I\_
โดย ไทแมน [1 ก.ย. 2545 , 22:53:11 น.]

ข้อความ 5
อธิบายนิดคับ สัญลักษ์นี้ _/I\_หมายถึงการพนมมือไหว้นะคับ กลัวอาจารย์จะสื่อสารกับเด็กยุค gt.x ไม่ทันอะคับ55555
โดย ไทแมน [1 ก.ย. 2545 , 23:01:00 น.]

ข้อความ 6
จะให้ฝอยเรื่องอะไรก็ว่ามาอีก กำลังฝึกเขียน ..ข้อความเลยยาว กำลังคิดๆอยู่ ว่าจะเขียนเรื่องสั้น แบบมินิมั่มอิสซึ่ม..สยบนายปราบดา ให้ได้....ฝันของคนแก่ๆ
โดย เพื่อนอาจารย์ [2 ก.ย. 2545 , 11:58:09 น.]

ข้อความ 7
อาจารย์ครับ....ที่ท่านบอกว่าบุกถึงถ้ำเพื่อถามว่าโลกทัศน์ของพวกผมเป็นเช่นไรนั้น หาใช่พวกผมไม่ยอมบอก.....เอ็ง....ท่าน....อะไรก็แล้วแต่ แต่พวกผมอ่านไม่รู้เรื่องครับ.....จริงๆ ถ้าท่านอาจารย์จะกรุณาละสำนวนของปราบดา หยุ่น แล้วใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายกว่านั้น ผมเชื่อว่าจะมีคนตอบมากกว่านั้นครับ
โดย นักศึกษาโพสท์มอเดิร์น [7 ก.ย. 2545 , 22:09:33 น

ข้อความ 8
ผมว่าภาษาที่แกใช้ก้อไม่ได้ยากเย็นเข้าใจยากอะไรนี่คับ เอางี้ไหมคับ ลองอ่านเเล้ว---ิคิด----ไปด้วย น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก เปิดใจหน่อยก้อดีนะคับ ปล..ลองอ่าน palimset ดูสิคับ ผมว่านั่นน่ะภาษาอ่านยากขอ งจิง
โดย ผมว่านะ [8 ก.ย. 2545 , 00:46:05 น.]

ข้อความ 9
บทสนทนาต่อไปนี้จะยาว..เช่นเคย เพราะผมจะเรียนรู้ ...โดยการเขียน ตามทัศนะของคุณวิน เลียววาริณท์ คนเก่งที่ทำให้คณะเราดูดีขึ้น การไม่รู้เรื่อง หรือไม่เข้าใจอะไร ที่อ่าน อันหนึ่งเป็นเพราะเราไม่สามารถโยงสิ่งนั้น กับประสบการณ์เดิมที่เราเคยรู้และเข้าใจ หรือไปสนใจสาระ-คำตอบที่เขาอาจเน้นที่ขบวนการ หรืออาจเกิดจากการไม่สนใจเรื่องนั้น..ขณะนั้น ฯลฯ ถ้า..เราไม่รู้เรื่อง แต่สนใจจะรู้..อะไรก็ได้ วิธีหนึ่ง(วิเคราะห์)..เราก็จะต้องแบ่งแยก ตัดตอน เลือกเอา ส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจคนละเรื่อง ก็ได้ เพื่อโยงกันให้ได้กับประสบการณ์เดิม หรือสิ่งที่เราอยากรู้ การตอบโต้ แสดง ความคิดเห็นก็จะเกิดขึ้นได้ ...โดยสรุปนี่ คือการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่วิธี การฝึกทักษะแก้โจทย์เช่นทางคณิตศาสตร์ คำตอบในเรื่องสถาปัตยกรรม ไม่ใช่เรื่องผิด-ถูก อาจเกิดจากการตั้งคำถามที่ยังไม่รู้เรื่อง แล้วค่อยไป วิเคราะห์ไปจนได้เรื่อง เหมือน การทำปัญหาแปลก ให้คุ้นเคย แล้วทำเรื่องที่รู้แล้ว ไม่ให้รู้เรื่องอีก (ทำปัญหาที่คุ้นเคยให้แปลกอีก..ตามวิธีการ synectic) พอใจถึงระดับไหนก็เอาคำตอบอันนั้นเป็นข้อยุติ นี่ถึง..จะเกิดความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ สถาปนิกต้องสร้างคำถามเองของตนพร้อมการ ให้คำตอบด้วย ไม่ควรตอบคำถามของคนอื่นเสมอไป ผมสนใจเรียนรู้และพัฒนาการการเรียนรู้ ด้วยวิธีนี้ จึงชอบแสดงความคิดเห็นโดย ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องประเด็นที่เสนอมา หรืออาจ เปลี่ยนประเด็นไปเลยก็ได้ ถ้าทำให้เกิดความคิดได้ ผมคุยเฮฮากับเพื่อนสถาปนิกได้สนุกสนาน ทุกวันนี้ ก็เพราะไม่ใช่เน้นตรงคำถามหรือคำตอบ แต่เป็นขบวนการ ที่คุยแล้วทำให้สนุกสนาน โดยไม่ต้อง โกรธกัน ตีหัวกันเอง เพราะเถียงกันเรื่องถูก-ผิด การเน้นที่ "ขบวนการ" เป็นการพัฒนาเชิงจำนวนของ ความคิดจะได้จำนวนคำตอบ ไม่ใช่แสวงหาความคิดเดียว คำตอบเดียวที่เรานึกว่าเป็นคำตอบถูกต้องเดียว ... ซึ่งไม่มีในโลก...โดยเฉพาะในเรื่องสถาปัตยกรรม ผม..อ่านเรื่องที่ไม่รู้เรื่องที่สุดคือเรื่องปรัชญา บ้าๆบอ อะไรๆ ฯลฯ ที่ปวดหัวสุดคือเรื่องแนวคิดvsความจริง แต่ผมก็ทนอ่าน แล้วก็เลยชอบอ่านอยู่เรื่อย ทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่อง แต่บางทีนำหลายๆเรื่องที่ไม่รู้เรื่อง มารวมกัน กลับทำให้ได้เรื่องได้ราวบ้างเหมือนกัน อ่านอะไรอย่าด่วนตัดสิน เพราะความต้องการคือแค่ การอ่านในตอนนั้นพอ ท่านผู้รู้บอกว่า ให้จิตเราเริงระบำ ไปกับตัวอักษร นั่นและดี จับต้องตรงไหนได้ก็จับ จับไม่ได้ก็เต้นระบำไปเรื่อย ทีหลังไปอ่านอีกเล่ม ก็จะได้เรื่องได้ราวเพิ่มขึ้น...เขาว่าอย่างนั้น ..ผมเชื่อ เลยชอบอ่านและคิดในสิ่งที่ไม่รู้เรื่อง ให้รู้เรื่องให้ได้ แล้วก็ทำให้มันไม่รู้เรื่องอีก เพื่อจะได้รู้เรื่อง..อีกเรื่อง ผมว่า..นี่คือการเรียนรู้ให้คิด..ไม่เน้นให้จำ..จำ ส่วนใครจะว่า..คิดอะไรก็ควรคิดให้ได้เรื่อง (ด้วย) ก็ไม่ว่า..เพราะจริงๆแล้วมันก็ได้เรื่องทั้งนั้น เพียงว่าใครจะสนใจเอาเป็นเรื่องหรือป่าว? ความคิดสร้างสรรค์มักคิดมาจากเรื่องที่ไม่รู้เรื่อง แล้วทำให้เป็นความคิดนั้นกลายเป็นการคิดที่รู้เรื่อง กลับมาเรื่องที่ไปเสนอประเด็นในถ้ำ ก็มีหลายๆเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ นักศึกษาโพ๊สต์มอร์เดิร์นกับการมีส่วนร่วม กับสังคมโดยรวม ซึ่งสงสัยโดยกลุ่มนักศึกษามอร์เดิร์น ว่าทำไม ไม่ "เริด" เหมือนพวกเขา ซึ่งผมว่าเรื่องนี้ คิดโต้คิดแย้งคิดร่วมได้มากมาย ผมชอบเรื่องที่ได้ยิน (ส่วนตัว)จากนักศึกษาโพ๊สต์มอร์เดิร์นคนหนึ่ง ที่ไม่ประสงค์ เขียนบอกในที่สาธารณะ เล่าประสบการณ์ว่าเคยช่วยเหลือ สุนัขบนทางด่วนให้ปลอดภัย ..ผมว่าเรื่องนี้น้อยคนจะทำได้ หรือจะทำให้กับสุนัขได้สะดวกใจเท่าทำให้สังคมหรือประชาชน ที่บางพวกชอบอ้างถึง แล้วทึกทักว่า ข้าคือผู้ช่วยเหลือสังคม ประชาชนเท่านั้น ..พวกสุนัขเอาไว้ทีหลัง รอก่อน ตายบน ทางด่วนไปก่อน ..ผมว่านี่เป็นการช่วยสังคมแบบจอมปลอม ที่เรากำลังสร้างเป็นนิสัยและประเพณีไปแล้ว (ทำให้นึกถึง คำสอนขงจื้อในทำนองที่ว่า ...จงจัดการตัวเองหรือครอบครัว ตัวเองให้ดีเสียก่อน แล้วจึงคิดไปจัดการคนอื่นหรือสังคมโดยรวม) เรื่องอย่างนี้ผมอยากฟังเสียงกันจริงๆ ..ไม่น่าจะเกรงใจกันจนเกินเหตุ จริงไหม? ครับ ป.ล. จะเกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรมไหมเนี่ย? ..ผมว่า.เกี่ยวนะ อ่านกันดีๆ เลือกกันดีๆ อย่าเอาแต่หมั่นไส้ คนเขียนอย่างเดียว..เสียล่ะ..... อ้อ ช่วยขยาย palimset ให้ทราบด้วยซิ
โดย เพื่อนอาจารย์ [9 ก.ย. 2545 , 10:07:43 น.]

ข้อความ 10
แอบแวะเข้ามาทักทาย palimset เอ...รู้สึกจะไม่ได้สะกดอย่างนี้นี่นา เป็นหนังสือที่ จาร พรหมินทร์ ทำ มีออกมาสี่เล่ม คับ
โดย M&e [10 ก.ย. 2545 , 01:39:53 น.]

ข้อความ 11
เด๋วผมzerox ไปให้อ่านคับ หาซื้อไม่ค่อยมีคับ พิมพ์ทีพิมพ์น้อยคับ แต่ต้องแลกกะเบียร์เหยือกนึงนะคับ5555
โดย ไทแมน [10 ก.ย. 2545 , 03:17:22 น.]

ข้อความ 12
อืม... ผมอ่านของจานมานาน เพิ่งเข้าใจจานมากขึ้นจากกระทู้เนี้ย ตอนเรียนอยู่ฟังเรื่งหมาบนทางด่วนทีไรก็ขำในใจว่า เอาอีกละ จานเล่าอีกละ ไม่รู้จานจำได้ป่าวว่าเล่าให้ผมฟัง 3รอบละ
โดย เด็กหัดเดิน [10 ก.ย. 2545 , 06:50:23 น.]

ข้อความ 13
คุณรู้ไหม?...น่าจะรู้แน่นอน การสอนกันไปเรียนกันไปโดยไม่รู้ใคร เป็นศิษย์ใครเป็นอาจารย์ นั้นมันดี มันควร..ต้องเป็นการเรียนรู้ที่ถูกต้อง แน่นอน..ตอนผมหนุ่มๆเหมือนคุณ ผมก็แม่นอยู่มาก ชอบเตือนคนแก่กว่า พูดซ้ำๆซากๆเหมือนกัน พอถึงเวลาของตัว เองเข้า ก็เป็นแก่เหมือนกัน ...แล้วก็ไม่นานเกินรอ ก็จะพาลเล่าเรื่องเก่า เรื่องตัวเอง เข้าให้ทุกที โลกทัศน์มันเลยแคบสุด แต่ดันโง่นึกกว่ากว้าง มันน่าสมเพชจริงๆ ..ซึ่งผมก็พยายามแก้อยู่ ทั้งทั้งที่นักจิตวิทยาเตือนให้อ่านก่อนนานแล้ว ดันลืม สติแตกบ่อยๆ..ว่าแต่คุณก็เถอะ ระวังตอนแก่ตัว ก็อาจเดี้ยงได้ง่ายๆ ต้อง หมั่นลับสมองลับความคิดให้คมๆเข้าไว้นะครับ เพราะฉนั้นจงหมั่นคบหาคุยกินเบียร์กับเด็กๆ ให้บ่อย แต่อย่าดันไปหลงเด็กเพราะเรื่องอื่น เดี๋ยวจะยุ่งจนกลายพันธ์เป็นแย่ ขอบคุณ (มากกว่าการขอบใจ) ที่แวะเวียน มาสอนมาเรียนด้วยกัน...นี่แหละที่ พุทธศาสนาเขานิยามว่า..สังคมแห่งกัลยาณมิตร ..ล่ะคุณ
โดย เพื่อนอาจารย์ [10 ก.ย. 2545 , 19:00:25 น.]

ข้อความ 14
ผมว่าที่ปัจจุบันคนเรามีความเป็นส่วนตัว(อาจเรียกว่าตัวใครตัวมัน)มากขึ้น ทั้งๆที่เราอยู่ในโลกของการสื่อสารที่ก้าวหน้าไวมากๆ คิดจะโทรหาใครก็โทรหาได้ทันทีด้วยโทรศัพท์มือถือ ผมว่าเป็นเพราะเราได้พบปะผู้คน รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากมาย จนสูญเสียความเป็นตัวตนของเราที่แท้จริงไป คอยตามกระแสไปวันๆ ขาดสติ ในการตัดสินใจชีวิตของตนเอง ทำให้เกิดความต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมาต่อต้าน เหมือนที่มีกระแสของความเป็นท้องถิ่น ประมาณภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือสถาปัตยกรรมท้องถิ่นขึ้นมาต่อต้านกระแสของโลกาภิวัฒน์ มีอยู่วันนึงผมคุยกับเพื่อนเรื่องบ้านอยู่ เขาก็พูดน่าข้อสังเกตข้อนึงขึ้นมาว่า บ้านในปัจจุบันในปัจจุบันชอบมีสนามหรือคอร์ทกลางบ้านมากขึ้น เป็นแบบมองเข้ามาข้างใน(look inward) ผมว่ามันมีผลมาจากการที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวกันมากขึ้นน่ะครับ แล้วต่อไปบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร มองไปทางไหนคงมีแต่กำแพง ผนังทึบรอบๆบ้าน ผู้คนพูดคุยกันเฉพาะเรื่องงาน เรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ผมว่าถ้าเราออกแบบบ้านที่มีสวนอยู่รอบๆบ้าน แล้วสวนของบ้านแต่ละหลังมาต่อกันจะเป็นยังไง ขอบบคุณครับที่อ่านความคิดของผม คิดยังไงกันบ้างครับ
โดย Chidora [17 ก.ย. 2545 , 12:36:27 น.]

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆคับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หายไปแล้ว......

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล