วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 09, 2549

ร้านกาแฟ..ธุรกิจแบบเศรษฐกิจพอเพียง


มีร้านกาแฟแบบนี้....บ้างไหม? ท่านเคยคิดทำร้านขายกาแฟ ให้ผู้ซื้อเป็นผู้กำหนดราคาเองหลังจากดื่มกาแฟที่ท่านบริการแล้วเสร็จ บ้างไหม?คิดให้หนักก่อนที่จะร้อง..ยี้..แล้วบอก...ม่ายเอา

ร้านกาแฟส่วนมากในระบบทุนนิยม (สร้างหนี้ก่อนเปิดร้าน)มักกำหนดราคาเพื่อการตลาดและโลภ ...ทั้งที่เกินความเป็นจริงไม่ตรงกับการสมยอมและด้วยความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลักท่านลองขอเขาดมกาแฟก่อนทางร้านใส่เครื่องชง ว่ามีกลิ่นคุ้มค่าเงินที่ท่านต้องจ่ายหรือไม่? ...ส่วนมากเรามักจ่ายเกินคุณภาพของมัน

ต้นทุนกาแฟ(อย่างเดียว ) ๑ ช๊อท..คั่วเอง บดเอง ชงเอง ...ฟันธง..ไม่เกินสามบาท เชื่อหรือไม่? ไม่มีลูกค้าดื่มกาแฟสดไทยในเมืองไทยจ่ายเงินให้คุณต่ำกว่า ๒๐ บาทต่อแก้ว..แน่นอน โปรดอย่ากลัวจนเงินเกินที่ลูกค้าบางคนจ่ายให้มา ..คุ้มกับที่ให้คนไม่มีสตังค์(จริงๆ)ดื่มฟรี...แน่นอน..ชัวร์

มาลองทดสอบเรื่องนี้กันดีไหม? ....นี่แหละแนวคิดทำเศรษฐกิจแบบพอเพียง ..ไม่มีเงินเก็บและรวยความสุข ...ก็ให้มันรู้ไปเลยใจถึงกันอย่างนี้ซิ ถึงจะเป็นแฟนพันธ์แท้..คนรักกาแฟ

ผมก็ไม่ต่างกันเท่าไรเกิดมาโดยมีระบบทุนนิยมตะวันตกอัดสมองและการกระทำในเรื่องธุรกิจแต่ถ้าเราลองหวลกลับไปสู่อดีตของเราเราจะเห็นและเข้าใจความต่างกัน

แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนละเมียดละไมมากต้องอาศัยธรรมปฏิบัติเป็นฐานของความคิดเรื่องแรก..ถ้าเราจะมีธุรกิจกาแฟ ต้องรักและมีความรู้และสติและกุศลในทานเป็นเบื้องต้น เพิ่มพูนสติและความรู้ที่จะทำสิ่งนั้นๆให้มีผลดีสูงสุดเสมอๆ ..ผลตอบแทนธรรมปฏิบัติของเราก็จะตามมาไม่ต้องกลัวจน

สรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลนี้มีความเชื่อมโยงเป็นองค์รวม เราชอบคิดแบบแยกส่วนและรวบรัดธรรมปฏิบัติในการทำงานของพวกเราเลยสับสนน้อยบ้าง มากบ้าง ตามระบบทุนนิยมผิด ที่เรามั่วนิ่มเป็นถูก กันในขณะนี้

คนรุ่นใหม่ๆกำลังตกเป็นเหยื่อของข่าวสารที่เป็นเท็จกันมาก โดยเฉพาะกระแสทางการตลาดหรือระบบ mba ที่เอาวัตถุหรือเงินเป็นที่ตั้งตามอย่างชาติตะวันตกบางชาติที่เมามันมุ่งสร้างความสุขจากภายนอก มากกว่าการสร้างความสุขจากภายในจิตใจของตัวเราเอง

คนรุ่นใหม่ต้อง คิดใหม่ คิดใหญ่ คิดริเริ่ม ด้วยฐานความรู้ความเข้าใจที่เรามีกันมา และทบทวนให้ถ่องแท้ในความพอดี พอเพียง และมีธรรมปฏิบัติเป็นหลัก กุศลในการกระทำย่อมเกิดตามหลักของทฤษฎีองค์รวม ดังพล่ามมาแล้ว
อย่าเพิ่งเชื่อ...แต่ก็อย่าเพิ่งปฏิเสธ...นะครับ

ใจเย็นๆครับอย่าเพิ่งกลัว"บุญ"ที่ยังมาไม่เห็นคุณภาพของกาแฟเป็นสิ่งที่เราต้องรักและรักษาไว้ยิ่งได้ผลที่ไม่พอใจก็ยิ่งต้องเร่งคุณภาพให้ดีขึ้น เป็นที่สุดเท่าที่เราทำได้ซึ่งต้องอาศัยความพอใจของลูกค้าเป็นหลัก

เมื่อคืนก่อนอ่านเรื่องกาแฟเรื่อง ลุงพร ชอนอาชีพในเศรษฐกิจชาวบ้านของมติชนท่านพัฒนาคุณภาพจากการให้คนชิมฟรีจนนานเดี๋ยวนี้ท่านยังขายด้วยราคาเพียง ๑๐ บาทล่าสุดที่ otop เมืองทอง ท่านขายได้ ๑๗๐,๐๐๐ บาท รวม ๙ วันทำยอดขายสูงสุดได้วันละ ๓๗,๐๐๐ บาท

นี่แหละครับ ตัวอย่างอนิสงษ์ของคนทำดีอย่าดูถูกคนไทยด้วยกัน ...โดยเฉพาะลูกค้าของเราครับ .....

อย่ากลัวจนเพราะทำความดี...นะครับ

ลองหลับตา..แล้วลืมภาพและความคิดทุนนิยมที่พบเห็นสร้างเป้าวัตถุประสงค์ที่ความสุข ไม่ใช่กำไรจากตัวเงิน

หากมีความสุขที่จะทำ...ก็จงทำ เงินทุนก็คิดแบบพอเพียง หาญาติ หาเพื่อน พวกพ้องให้มาร่วมทุนกัน อย่าสร้างหนี้ที่ตัวเองอาจรับความทุกข์ไม่ไหวเมื่อผิดพลาด ต้องมีการป้องกันความเสี่ยง ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ภาพลวงๆทั้งหลายที่พบเห็นตามร้านที่มีอยู่ ลืมเลือนให้สิ้น มีเก้าอี้ให้ลูกค้าที่นับเสมือนเพื่อน มิตรสหาย พ่อแม่ ได้นั่ง มีที่ๆตั้งเครื่องชงกาแฟพอ เพื่อบริการกาแฟที่มีคุณภาพเป็นหนึ่งแค่นี้ก็นับเป็นร้านกาแฟที่ดีได้แล้ว อย่างอื่นเป็นเครื่องปรุงแต่ง

ลูกค้า ให้ถือเสมือนเป็น..เพื่อนๆ ญาติๆ พ่อแม่ ของเราทุกคนความรัก ความเมตตา และมิตรภาพ ที่เราหยิบยื่นให้ ต้องกลับมาตอบแทน เป็นส่วนมาก ไม่มีขาดทุน ความสุขจึงตามมา

ต้องฝึกจิตใจให้ยิ่งใหญ่ ใจใหญ่ เมตตาที่สูง อย่าเอาอย่างพวกนักธุรกิจขี้งก บ้าการเอาเปรียบผู้อื่น ...แล้วเจ้งในที่สุดซึ่งมีตัวอย่างให้พบเห็นมากมาย อย่างเช่นในเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วนี้

เมื่อ เป็นเจ้าของร้านกาแฟที่มุ่งความสุขเช่นนี้ ไม่มีวันล้มเหลวเพราะคิดจากความสุขบนพื้นฐานของความว่างเปล่า(ของจิต) ธุรกิจบนพื้นฐานเช่นนี้ จึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลใจ บนความว่างเปล่าของ(จิต)เจ้าของร้าน จึงทำให้มีพื้นที่มากมายให้(จิต)ผู้อื่น โดยเฉพาะลูกค้าได้จับจอง ไม่มีวันเจ้ง ไม่ว่าธุรกิจกาแฟเป็นขาขึ้นหรือขาลงไม่มีความหมาย เพราะความสุขและมิตรภาพ คือความยั่งยืนของธุรกิจร้านกาแฟที่ควรเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้

ถ้าไม่เข้าใจ...หรือไม่อยากเป็น...ไม่เชื่อเมตตาธรรม และไม่เชื่อว่าชีวิต...มี จิตที่ความว่างเปล่า...ก็จงเป็นเจ้าของร้านกาแฟ ที่ทุกข์ระทมตลอดไปเถิด ...ไม่ว่าธุรกิจกาแฟจะขาขึ้นหรือขาลง ก็ไปไม่รอดหรอก...ครับ

จาก...คนรักกาแฟ...ตัวจริง