Reality Talks Among The Elderly
บทความแปลจาก... http://geelooessays.blogspot.tw/2014/08/betty-choi-080314.html?m=1
มาพูดความจริงกันระหว่างผู้สูงวัย
จงรักษาเยื่อใยสังคมคนในบ้านไว้จนกว่าจะม่องเท่ง..รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันดุจหุ้นส่วนชีวิตของท่านด้วยทัศนคติที่มีสุขและยินดีปรีดา
เรากำลังแก่ตัวลงไปทุกๆวัน ในช่วงเวลาที่สุขภาพยังดี..ยังคิดได้ เรามาพูดกันในแต่ละขั้นตอนของชีวิตว่า จะเผชิญกันอย่างไร..
ขั้นตอนแรก
ท่านมีเหตุน่าเชื่อเรื่องสถานะและเงื่อนไขของสุขภาพและรายได้ในวัย60และ70ปีหลังเกษียณอายุ..ดังนั้น จงกินดี แต่งตัวดี และทำตัวให้มีความสุข กอบโกยเวลานี้ไว้จนกว่ามันจะมลายหายไป อย่าประพฤติตนเองแบบชุ่ยๆ ควรจัดการเรื่องความมั่งคั่งและสมบัติพัศสถาน จงวางแผนอนาคตของท่านให้ถูกต้อง
ทรัพย์สินที่ลูกหลานได้มาหรือแสวงหามาและจากความกตัญญูกตเวทีที่เราอุทิศให้ เป็นของพวกเขา เราต้องควบคุมและเตรียมไว้ในส่วนเพื่อชีวิตตัวเราเองด้วย..นี่ไม่ได้หมายความว่าเราปฏิเสธการช่วยเหลือของพวกเขาหรือรังเกียจความมีน้ำใจก็หาไม่
ขั้นตอนที่สอง
ถ้าสุขภาพยังดี ไม่มีปัญหาความเจ็บป่วยใด ตอนวัย 70 จึงไม่ต้องพะวงกับการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ร่างกายย่อมเสื่อม กำลังย่อมถดถอยตามกาล จนทำให้มีการตอบสนองเลวลง เช่น ผลกระทบทำให้การกินช้าลงเพื่อป้องกันอาการสำลัก..เดินช้าเพราะกลัวหกล้ม ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น พึงละเลยการทำตัวอวดเก่งเหมือนเคย
หยุดการเข้าไปยุ่งเรื่องอะไรของลูกหลาน หมดวัยการต่อล้อต่อเถียงโดยไม่จำเป็น หันกลับมาดูแลเรื่องของตัวเองดีกว่า แม้จะดูเหมือนเห็นแก่ตัวก็ตาม จงเตรียมใช้ชีวิตให้ผ่อนคลาย จำกัดกิจกรรมหรือหน้าที่การงานในบ้านและนอกบ้านให้เบาลง..เพื่อบรรเทาปัญหาเรื่องสุขภาพให้มีคุณภาพยืนยาวขึ้น มีความสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ใช้ชีวิตที่ไม่ต้องพึงพาผู้อื่น
ขั้นตอนที่สาม
เมื่อเจอสภาวะความผิดปกติของร่างกาย เริ่มมีอาการเจ็บป่วยขึ้นแล้ว ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่น เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เมื่อถึงวัยช่วงสุดท้ายของชีวิต ควรยอมรับและปรับสภาวะทางอารมณ์ใหม่ให้เหมาะสม การเกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นกฏเกณฑ์ของทุกชีวิตตามธรรมชาติ ถ้าท่านยอมรับมันด้วยความสงบ โดยปราศจากความกลัว ซึ่งขึ้นอยู่กับความกล้าเผชิญตามเงื่อนไขข้อจำกัด แม้แต่การยอมรับต้องไปอยู่สถานพยาบาลคนชราก็ตาม หรือต้องการผู้มาคอยดูแล ตามความเหมาะสม หลีกเลี่ยงการเป็นภาระให้ลูกหลานทั้งทางด้านจิตวิทยาของอารมณ์และทางด้านกายภาพตลอดจนปัญหาเรื่องการใช้จ่าย ท่านพร้อมที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ อย่าให้เป็นสิ่งรบกวนจิตใจ หรือความเศร้าหมองจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตที่จะต้องจากไป พึงขจัดปัญหาต่างๆที่จะมีผลตามมาต่อคนรอบข้างที่เขายังอยู่ เราทุกท่านอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน ผ่านความทุกข์ยากมาเหมือนกันตั้งแต่วัยหนุ่มสาว จึงต้องแก้ปัญหาที่เผชิญให้ได้ตลอดรอดฝั่งจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ขั้นตอนที่สี่..(ชักเลี่ยน..ว่ะ)
แม้จะมีสภาพจิตใจที่ดีพร้อม แต่สังขารมันมีคุณภาพต่ำ การดำเนินชีวิตก็ด้อยคุณภาพลง ท่านจึงต้องอดทนกล้าหาญเผชิญหน้ากับความตาย อย่าดิ้นรนกระวนกระวาย หลีกเลี่ยงการเยียวยาที่ไม่จำเป็น คนที่จะพึ่งได้ในยามนี้คือตนเองเท่านั้น
จะทำอะไรเมื่อท่านชรา
ทำไมจึงนำเรื่องนี้มาเป็นหัวข้อเรื่อง ผู้เขียนเชื่อว่าคนชราอายุเกิน 80 ปีขึ้นไป ไม่มีความจำเป็นต้องลดความอ้วนหรือลดน้ำหนัก ในทำนองเดียวกัน ควรเพิ่มคุณค่าอาหารให้มากเท่าที่ร่างกายต้องการ จึงจะทำให้การดำเนินชีวิตมีความสุขยิ่งขึ้น ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ รับรองการลดอาหารสำหรับผู้สูงอายุ มันขัดกับธรรมชาติความต้องการของมนุษย์
ความจริงแล้วในกลุ่มผู้สูงอายุ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนความต้องการ การดูดซึมสารอาหารจากการรับประทานประจำวัน เพื่อคุณค่าทางอนามัย ส่งผลดีในการต่อสู้กับเชื้อโรคและขจัดความหดหู่สินหวัง(เซ็ง) ผู้เขียนหวังว่าในบั้นปลายของชีวิตผู้สูงอายุจะสนุกกับการมีชีวิตโดยปราศจากความเสียใจ
มีคนชราผู้หนึ่งกล่าวว่า "จงบริหารจัดการขจัดความน่าสมเพช วางแผนหลีกเลี่ยงความวุ่นวายและการเร่งรีบ" ระหว่างช่วงเวลาเข้าสู่วัยชรา ไม่ควรกังวลกับรูปแบบชีวิตในอนาคตอันใกล้นี้
สิ่งแรก ที่ต้องเอาใจใส่คือสุขภาพ ให้ความสนใจคุณค่าอาหารที่บริโภคสม่ำเสมอ ดูแลตนเองเอาใจใส่ในสภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
สิ่งที่สอง คือที่อยู่อาศัย ต้องเป็นของเราเอง แทนที่ไปอาศัยอยู่กับลูกหลาน แม้ท่านจะทนกล้ำกลืนฝืนใจได้ก็ตาม มันดีกว่าที่จะอยู่ลำพังด้วยตนเอง เลือกเอาที่ชอบ บ้านนอกหรือในเมือง หรือใกล้กับร้านขายอาหารที่โปรดปราณ
สิ่งที่สาม คือทรัพย์สิน เนื่องจากเงินเลี้ยงดูตนเอง ไม่สามารถพึ่งพาลูกหลานได้ยั่งยืน เราควรดูแลตนเองด้วยทรัพย์สินที่มีอยู่ จะยกให้คนอื่นก็จนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเพื่อการรับรองความปลอดภัยให้ตนเอง
สิ่งที่สี่ คือเพื่อนเก่า ควรหมั่นพบปะชุมนุมกันฉันท์หุ้นส่วนที่ดีของชีวิต จงมีอัทธยาศรัยไมตรีที่ดีงามกับคนอื่น รักษามิตรภาพให้ถาวรยั่งยืน นี่คือความลับของการมีชีวิตที่งดงาม
สุดท้าย(ถึงซะที) ไม่ว่าจะอายุยืนจนเป็นตาแก่หรือยายแก่แร้งทึ้ง ท่านต้องจบชีวิตด้วยตนเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจ หรือน่าสลดใจ มันขึ้นอยู่กับคุณค่าของการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ การตระเตรียมด้วยจิตใจที่มั่นคง อย่าใส่ใจต่อการยึดมั่นในสิ่งเดิมๆ เผื่อแผ่เปิดกว้างกับยุคสมัยใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนให้แก่กันและกัน ให้ถือเป็นสิ่งดีและโชคดี....
โปรดระลึกไว้ว่า เราเป็นที่สุดของยุคสมัยของเรา จงรักษาความเมตากรุณาและปรานี แม้คนในยุคนี้จะโดนทอดทิ้งจากลูกหลานก็ตาม อย่าอารมณ์เสียเสมือนว่า "ท่านจบชีวิตที่สวรรค์ แต่ทิ้งเงินไว้ในธนาคาร" "ช่างเป็นเพื่อนที่หงอยเหงาเสียนี่กระไร" หรือ " ไม่มีใครสนใจเมื่อคุณแก่" นี่เป็นความคิดล้าสมัย
เราต้องระลึกว่า "สมบัติเป็นแค่ตัวเลข เป็นเปลวไฟที่ลุกไหม้ชั่วคราว เพียงแค่รูปแบบหนึ่งของวิถีชีวิตในชีวิตทั้งมวล จงเป็นคนแก่คนหนึ่งที่มีความสุข ร่าเริง ชีวิตท่านควรมีความหลากสีหลายรสชาดเหมือนฤดูใบไม้ผลิ มีความต้องการที่เรียบง่าย สุขภาพดี มีเงินใช้ มีเวลาว่างรื่นเริงกับเพื่อนฝูงและได้รับความเอื้ออาทรจากท่าน
ความสามารถให้ความรื่นรมณ์ในชีวิตอย่างเสรี เป็นคุณค่าที่วิเศษของการมีชีวิตอยู่ต่อไป และความดีงามคือผลตอบแทนได้รับคืนมาสำหรับทุกท่าน
...จบ